“ไม่ว่าจะทำงาน Sector ไหนถ้าไม่มีความรู้ทางธุรกิจ คุณก็จะไปจุดสูงสุดไม่ได้” ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ Woman in Education : Exclusive Talk
“ไม่เคยคิดนะว่าผู้หญิงจะเก่งกว่าผู้ชาย หรือผู้ชายจะเก่งกว่าผู้หญิง เรียนหนังสือผู้หญิงยังไม่แพ้ผู้ชายเลย แล้วทำไมการทำงานต้องแพ้ผู้ชายด้วย” ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือน เมษายน 2559 ใน consept หญิงแกร่งทรงพลัง 5 ท่านจากหลากหลายแวดวง
และตัวแทนของหญิงแกร่งทรงพลังแห่งแวดวงการศึกษาจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเธอคนนี้ Woman in Education ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ สายเลือดการศึกษารุ่นที่ 3 แห่งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศ “จริงๆ แล้วผู้หญิงมี skill ในการบริหารจัดการที่เป็น soft side มากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ”
เพศไม่ได้เป็นประเด็นในการบริหารมหาวิทยาลัย ในมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เอง จะเห็นได้ว่าผู้บริหารระดับสูง ก็จะมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ด้วย DPU สอนการบริหาร สอนธุรกิจให้กับนักศึกษาในทุกๆ คณะ นักศึกษาบางคณะเองก็ไม่ชอบ แต่พอจบออกไปเขาจะรู้ได้ว่า ความรู้ด้านการบริหารนั้นมีประโยชน์กับเขาจริงๆ เพราะภาคธุรกิจนั้นขับเคลื่อนทุกอย่าง ธุรกิจเข้าไปมีบทบาทกับทุกภาคส่วนของการทำงาน ถ้าใครไม่มีความรู้ด้านธุรกิจ คนนั้นก็ก้าวสู่จุดสูงสุดของการทำงานไม่ได้
การบริหารงานมหาวิทยาลัยภายใต้การนำของ ดร.ดาริกา เธอบอกว่าจะเน้นการทำงานเป็นทีม การบริหารงานจะเน้นการทำงานในแนวราบ และมีรองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี ที่ดูแลสายงานหลักของมหาวิทยาลัยอยู่มากถึง 9 คน teamwork จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
“โดยส่วนตัวเองดิฉันไม่จู้จี้จุกจิกกับเดินอย่างไร แต่เดินให้ถึงที่นี่คือเป้าหมาย” การทำงานที่เน้นผลลัพธ์ การคุยกันในทีมทำงานของเธอจึงจะไม่คุยกันถึงเรื่องปัจจุบัน แต่จะคุยกันในเรื่องของอีก 10 ข้างหน้า การการสนทนาในที่ประชุมจึงเป็นการคุยกันว่า อีก 10 ปีข้างหน้าเราจะบริหารจัดการมหาวิทยาลัยอย่างไร “กว่าเด็กจะจบออกไปมันก็สี่ห้าปีแล้ว ถ้าเรามัวแต่ผู้ถึงการบริหารจัดการทุกวันนี้ มันสายเกินไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะพูดถึงอนาคตตลอดเวลา เราทำงานเพื่อ serve อนาคต”
สามารถติดตามแนวคิดในการบริหารงานของอธิการบดีหญิงแกร่งทรงพลังแห่งแวดวงการศึกษา และแวดวงอื่นๆ ได้ในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือน เมษายน 2559 แล้วคุณจะรู้ว่า ผู้หญิงไม่เคยแพ้ผู้ชายในด้านใด
ข้อมูลและภาพประกอบจาก : Forbes Thailand และ facebook.com/ForbesThailandMagazine