"เรียนพยาบาลสองภาษา เตรียมพร้อมสู่งานในอาเซียนและโรงพยาบาลในระดับอินเตอร์" รีวิวสาขาพยาบาลศาสตร์ : U-Review
ว่าด้วยเรื่องเรียน อาชีพ การหางาน และค่าตอบแทนจากการทำงานแล้วใครๆต่างก็มองหา คณะ สาขา ที่การันตีถึงอนาคตที่สดใสหลังเรียนจบ อันดับแรกๆที่คนมักจะนึกถึงกันก็คือ แพทย์ และวิศวฯ แต่วันนี้เรามีอีกหนึ่งทางเลือกสู่อนาคตที่สดใสในการหางาน พร้อมรายได้งามๆที่จะตามมา นั้นก็คืออาชีพพยาบาลนั้นเอง และถ้าจะให้พิเศษกว่า ดีกว่า หางานง่ายกว่า และรายได้ดีกว่าแบบเห็นๆกันแล้วละก็
หลักสูตรพยาบาลสองภาษาเป็นทางเลือกที่ แจ่ม จะ แดม แจม ว๊าววว!! ไปเลย
ก่อนที่เราจะพูดไปถึงเรื่องการหางานหรือรายได้จากการทำงาน เราขอพูดถึงการเรียนการสอนในหลักสูตรพยาบาลสองภาษา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตกันก่อน ส่วนเรื่องงานและรายมันเป็นเรื่องหลังจากนั้นเรามาโฟรกัสเรื่องเรียนกันก่อนดีกว่าเริ่มจากบรรยากาศการเรียนการสอนที่น้องๆ ต้องเจอกันในแต่ละวันโดยเฉพาะเมื่อน้องอยู่ปี 1 และปี 2 ตอนต้นที่การเรียนจะยังเรียนกันอยู่ในคณะและถึงแม้จะเรียกว่าตึกคณะก็เถอะ เอาจริงๆแล้วเรารู้สึกเหมือนอยู่โรงพยาบาลเสียมากกว่า เพราะภายในตึกนั้นนอกจากจะมีห้องเรียนทั่วๆไปแล้ว ยังประกอบไปด้วยห้องปฏิบัติการต่างๆและอุปกรณ์ในการฝึกปฏิบัติ ครบครันไปด้วยอุปกรณ์ประถมพยาบาล อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจรักษา ไปจนถึงหุ่นจำลองสำหรับการฝึกในภาคปฏิบัติ เช่น หุ่นจำลองการให้น้ำเกลือ หุ่นจำลองการให้ยา ไปจนถึงหุ่นเด็กอ่อน และหุ่นจำลองการทำคลอด
ในปีแรกน้องๆจะต้องเรียนในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปกันก่อน เป็นวิชาที่จะเตรียมความพร้อมทั้งในด้าน มนุษย์ สังคม ภาษา ก่อนที่จะขึ้นมาชั้นปีที่สองที่จะเรียนวิชาที่เป็นพื้นฐานวิชาชีพซึ่งเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา พยาธิวิทยา และเภสัชศาสตร์ ซึ่งเป็นพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์และเริ่มปฏิบัติการพยาบาลในชั้นปีที่สองเทอมปลายเป็นต้นไป
จากนั้นจะว่าด้วยเรื่องของภาคปฏิบัติกันแล้วหลักสูตรสองภาษานี้เริ่มแรกจะต้องฝึกกับโรงพยาบาลไทยไปก่อน เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐาน พอชั้นปีที่สามน้องจะได้ไปดูงานที่โรงพยาบาล International และในปีสี่ตอนนี้จะมีให้เลือกทำได้สองอย่าง นั้นคือสามารถไปฝึกที่โรงพยาบาล International ในประเทศ หรือเข้าร่วมในโครงการแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ ซึ่ง ณ ขณะนี้ทางคณะพยาบาลศาสตร์ได้ส่งนักศึกษาไปสถาบันต่างประเทศทั้งในประเทศสวีเดน และฟินแลนด์
ยังไม่หมดเท่านี้หลังจากเราได้สอบถามข้อมูลจาก ผศ. ดร.อำภาพร นามวงศ์พรม คณะบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้ทราบว่าในห้องเรียนน้องๆจะได้เรียนเป็นภาษาไทยควบคู่ไปกับภาษาอังกฤษกันแบบครึ่งต่อครึ่ง โดยในการเรียนการสอนจะมีทั้งอาจารย์คนไทย สวีเดน และฟิลิปปินส์สอนร่วมกัน แต่น้องๆที่ยังไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษกลัวเรียนไม่ไหว ดร. วัชรินทร์ วุฒฺรณฤทธ์ หัวหน้าหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรังสิต แอบกระซิบบอกเรามาว่าตอนนี้หลักสูตรมีการเตรียมความพร้อมภาษาอังกฤษให้กับน้องๆที่เข้ามาใหม่ อันดับแรกต้องเรียนเป็นตัวพื้นฐานก่อนซึ่งตัวนี้เรียนฟรีก่อนเปิดเทอมแรก
โดยตลอดระยะเวลาที่เรียนอยู่ในหลักสูตรจะมีกิจกรรมเพื่อพัฒนาภาษาให้กับน้องอยู่เรื่อยๆทั้งกิจกรรมในห้องเรียน และการออกค่ายภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ตลอดหลักสูตรจะมีการวัดระดับของภาษาของน้องๆเป็นระยะๆไป ในหลักสูตรปัจจุบันทางคณะได้กำหนดให้ต้องได้คะแนน TOEIC 600 คะแนน ผู้เรียนถึงจะสามารถจบหลักสูตรได้ ซึ่ง TOEIC นั้นเป็นเกณฑ์ที่ใช้วัดมาตรฐานสำหรับการที่จะทำงานกับคนไข้ต่างชาติในสถานพยาบาลทั้งในประเทศที่เป็น International และในต่างประเทศ เมื่อน้องๆจบจากหลังสูตรจึงสามารถทำงานได้ในโรงพยาบาล International และในโรงพยาบาลต่างประเทศได้เลย
หลังจากฟังเราพูดไปเยอะแล้วเรามาฟังความจากคนที่เรียนในหลักสูตรกันจริงๆบ้าง ซึ่งคุณกรและคุณต้นอ้อจะพูดคุยกันถึงการเรียนในหลักสูตรนี้
คุณต้นอ้อ (นางสาว วัชรินทร์ วงศา) ชั้นปีที่ 4
Q : ทำไมถึงอยากเป็นพยาบาล?
A : ส่วนตัวต้นอ้อเองมีแรงบันดาลใจจากคุณอาที่เป็นแรงบันดาลให้รักในวิชาชีพพยาบาล และอยากเรียนพยาบาลคะ เราก็เห็นคุณอาเป็นพยาบาลก็เลยอยากเป็นบ้าง
Q : พอเราฝันอยากเป็นพยาบาลมาตั้งแต่เด็ก พอมาเรียนที่นี้แล้วเป็นเหมือนที่ฝันไว้ไหม?
A : เหมือนเลยค่ะ อย่างการเรียนในห้องเรียนเราก็จะได้ฝึกปฏิบัติกับอุปกรณ์และหุ่นต่างๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์ และจากประสบการณ์ตลอดระยะเวลาที่เรียนมา ก็จะมีการออกไปฝึกที่โรงพยาบาล แล้วก็จะได้สัมผัสกับคนไข้จริงๆ อันนั้นเป็นการยืนยันให้เราทราบว่ามันคือวิชาชีพที่เรารักจริงๆ
Q : เข้ามาตอนปี 1 เป็นอย่างไรบ้างคะ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
A : ตื่นเต้นมากค่ะ ซึ่งในส่วนของปี 1 จะเป็นการเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา พอขึ้นมาปี 2 จะเริ่มเป็นวิชาที่เกี่ยวกับ วิชาชีพ ก็จะเริ่มตื่นเต้นกับอุปกรณ์แล้วก็จะมีการออกไปฝึกที่โรงพยาบาลซึ่งเราจะได้ไปเห็นไปสัมผัสกับสถานการณ์จริง
Q : จำความรู้สึกแรกของการฝึกเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลจริงๆ ได้ไหม?
A : จำได้ค่ะ เพราะครั้งแรกเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากเพราะว่าตอนที่เราเรียนอยู่ในห้องเรียนก็จะเป็นหุ่น เป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถจะดิ้นไปไหนได้ พอเป็นคนจริงๆเราไม่สามารถจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้เลย
Q : วางแผนในอนาคตไว้อย่างไรบ้าง หลังจากที่เรียนจบ?
A : หลังจากเรียนจบในหลังสูตรนี้แล้วต้นอ้อจะทำงานในโรงพยาบาล International เพราะเราเรียนอยู่ในหลักสูตรสองภาษาเพื่อจะได้พัฒนาทั้งภาษาและทักษะไปพร้อมๆกันในอนาคตคะ
และต่อไปสำหรับคุณกรค่อนข้างจะพิเศษนิดหนึ่งตรงที่ว่าเราแทบเห็นผู้ชายได้น้อยมากที่เลือกเรียนพยาบาล เราลองไปฟังคุณกรพูดถึงการเรียนในสาขานี้ในอีกมุมมองดู
คุณกร (นาย ธนากร โชคพิพัฒน์พร) ชั้นปีที่ 3
Q : ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นพยาบาลเป็นผู้หญิง แล้วกรมีแนวคิดอย่างไรที่ทำให้เลือกเรียนพยาบาล?
A : ย้อนกลับไป ผมเคยดูรายการอยู่รายการหนึ่งซึ่งมีการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลหนึ่งที่มีวิชาชีพเป็นพยาบาลเขาพูดว่า “การที่เราจะได้ช่วยเหลือคนนอกจากจะเป็น หมอ แพทย์ ก็มีพยาบาลที่สามารถดูแลรักษาเน้นไปที่จิตใจของคนไข้คือดูแลคนด้วยความรัก ความเมตตา” ตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คิดว่าพยาบาลน่าสนใจและที่เลือกหลักสูตรนี้เพราะอย่างแรกเป็นคนชอบภาษาด้วย แล้วที่มหาวิทยาลัยรังสิตก็มีหลักสูตรภาษาอังกฤษด้วย ผมก็เลยลองมา ผมไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษตั้งแต่แรกนะครับ แต่พอมาเรียนที่นี่ เราจะได้ใช่ทักษะทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ บนกันไป ทำให้สามารถพัฒนาไปพร้อมๆกันได้
Q : ผู้ชายที่มาเรียนพยาบาลจะต้องปรับตัวเยอะไหม?
A : ต้องปรับตัวเยอะครับ อย่างตอนภาคปฏิบัติจริงถ้าสมมุติเจอคนไข้ผู้หญิง เราจะแนะนำตัว เราจะดูแลเขาอย่างไร ซึ่งการปฏิบัติก็จะต่างกันไปแต่พอเราได้ฝึกเยอะๆแล้วมีอาจารย์คอยให้คำปรึกษาก็ทำให้เราสามารถปฏิบัติได้อย่างเต็มที่ครับ
Q : ที่เราเรียนสองภาษาเราได้ใช้มันตอนไหน?
A : เราได้ใช้ภาษาอังกฤษตั้งแต่การเรียนแล้วครับเพราะหลักสูตรของที่นี่ให้ใช้ภาษาสองภาษาควบคู่กันไป ผมว่ามันเป็นการพัฒนาไปแล้วส่วนหนึ่งพอเราได้พัฒนาแล้วเราก็มีความรู้สึกกล้าที่จะใช้ กล้าที่จะพูด
Q : วางแผนในอนาคตไว้อย่างไรบ้าง หลังจากที่เรียนจบ?
A : สำหรับกร มองไว้ทั้งการทำงานในโรงพยาบาล International ในประเทศและการทำงานในต่างประเทศด้วยครับ
เอาล่ะหลังจากได้รู้แล้วว่าการเรียนในหลังสูตรพยาบาลเป็นอย่างไรต่อไปเราจะพูดถึงเรื่องงานและรายได้จากการทำงานหลังจากที่เรียนจบหลักสูตรกันบ้าง อย่างที่บอกไปในตอนต้นแล้วว่าเรียนพยาบาลสองภาษาไม่ตกงานแน่นอน แถมมีรายได้ดีอีกต่างหาก นั้นด้วยสาเหตุหลักๆเพราะว่าสถานการณ์การขาดแคลนพยาลบาลที่เกิดขึ้นมาพักใหญ่ๆแล้ว และยังคงเป็นปัญหาที่รุนแรงมาจนกระทั้งปัจจุบันนั้นเอง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอเมริกา ยุโรปเหนือ สแกนดิเนเวีย และรวมถึงประเทศไทยด้วย ผศ. ดร.อำภาพร ถึงกับออกปากว่า “ด้วยสถานการณ์แบบนี้ต่อให้อีก 10 ปีก็ไม่ตกงานคะ” นอกจากนี้ ดร. วัชรินทร์ ยังบอกอีกว่านี้ถือเป็นโอกาส “เพราะว่า AEC กำลังจะเปิด ปัจจุบันคนต่างชาติเองก็นิยมมาเมืองไทยเยอะขึ้นส่งผลให้โรงพยาบาลต่างๆที่เป็นระดับนานาชาติในประเทศไทยต้องการพยาบาลที่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ” เราคิดว่าการที่มีความสามารถทางภาษานอกจากจะเอื้อต่อการทำงานแล้วยังสามารถทำให้เราเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆได้อีกมากมายเลยด้วย
ว่ากันในส่วนของรายได้นั้นเมื่อจบปริญญาตรีถ้าเทียบกับสาขาอื่นๆหลักสูตรพยาบาลสองภาษาจะเริ่มต้นสูงกว่าถึง 3 - 4 เท่าเลยทีเดียว ถ้าทำงานในประเทศเงินเดือนจะเริ่มต้นที่ 20,000 บาท ถ้ารวมค่าล่วงเวลาจะสูงถึง 30,000 – 40,000 บาทต่อเดือนสำหรับพยาบาลใหม่ ยังไม่ต้องพูดถึงพยาบาลอาวุโสกันเลย และไม่นับว่าถ้าเราจะไปทำงานในโรงพยาบาล International ซึ่งจะมีค่าความสามารถทางภาษาที่เพิ่มขึ้นอีกขั้นรายได้ก็จะอยู่ที่ 40,000 – 50,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว
และถ้าน้องๆมีโอกาสได้ไปทำที่ประเทศสิงค์โปร ไต้หวัน ญี่ปุ่น หรือ อเมริกา เงินเดือนขั้นพื้นฐานของน้องจะพุ่งไปแตะระดับ 100,000 บาทต่อเดือนกันเลยทีเดียว แน่นอนนี้สำหรับพยาบาลใหม่เช่นกัน เพราะฉะนั้นโอกาสของคนที่เรียนพยาบาลสองภาษาหรือคนที่ใช่ภาษาได้จะดีกว่าคนที่จบพยาบาลหลักสูตรทั่วไปอย่างเห็นๆกันเลย
หากน้องๆเริ่มสนใจแล้วละก็มีเกณฑ์พื้นฐานในการสมัคดังนี้ หนึ่งเลยน้องๆต้องจบมัธยมปลายสายวิทยาศาสตร์ เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.75 สิ่งที่จะดูประกอบก็มี GAT และ PAT2 วิทยาศาสตร์
ส่วนน้องๆที่มีปัญหาทางด้านการเงินแต่สนใจที่จะเรียนไม่ต้องห่วง เพราะการพยาบาลเป็นสาขาขาดแคลน ฉะนั้นภาครัฐสนับสนุนเต็มที่ทั้ง กยศ. กรอ. และโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศที่ขาดแคลนพยาบาลก็มีทุนให้ด้วย บางที่ก็ให้ทุนตั้งแต่ปีหนึ่ง ปีสอง บางที่ก็ให้ทุนปีสาม ปีสี่
หากน้องๆเป็นคนมีทัศนคติที่ดีในการทำงานกับคน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี แล้วก็มีจิตใจที่ต้องการจะช่วยเหลือคนอันเป็นพื้นฐานที่สำคัญของพยาบาล การเลือกเรียนในหลักสูตรพยาบาลถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สุดท้าย ผศ. ดร.อำภาพร ได้กล่าวถึงหัวใจของการเป็นพยาบาลไว้ว่า "เวลาเราทำงานกับคนเราต้องเข้าใจพฤติกรรม การแสดงออกของคน และเราต้องมีทักษะ ในการสื่อสาร สร้างสัมพันธภาพ คนที่จะเป็นพยาบาล ภาษาธรรมดาเค้าเรียกมีใจในการให้บริการอันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ และมองว่าการให้บริการแบบนี้มันมีคุณค่าในตัวของมันเอง เวลาเราทำงานแบบนี้เราได้มีโอกาสในการดูแลช่วยเหลือคนที่เค้าต้องการความช่วยเหลือและการช่วยเหลืออันนั้นของเรามีคุณค่าต่อความรู้สึกต่อจิตใจของเขาซึ่งวัดออกมาเป็นเงินไม่ได้"
ชมวีดีโอรีวิว คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาพยาบาลศาสตร์ (2 ภาษา)มหาวิทยาลัยรังสิต