U-Review

“เปิดม่านสู่ฝัน ตำรับแพทย์วิถีไทย” รีวิวสาขาการแพทย์แผนไทย (CIM) : U-Review

หลายครั้งที่เกิดการเจ็บป่วยก็มักจะไปหาหมอ แล้วได้ยามารับประทาน แต่ใครเลยจะรู้ว่าบางครั้งการรักษาแบบไทยๆ มักจะได้ผลกว่าด้วยซ้ำ โดยเรียกการรักษาแบบนี้ว่า “การแผนแพทย์ไทย” ที่อยู่คู่คนไทยมาเกือบพันปี ทำให้คนรุ่นใหม่หลายๆ คนอยากที่จะเข้าไปสัมผัสว่ามันดีอย่างไร เหตุใดถึงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งสาขาการแพทย์แผนไทย (CIM) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ที่จะทำให้เราเข้าใจการดูแลสุขภาพตัวเองแบบไทยๆ แถมยังเป็นอาชีพที่ได้ความรู้ไม่แพ้หมออื่นเลย
 

บางคนเมื่อได้ยินคำว่า “แพทย์แผนไทย” ก็มักจะนึกว่าเป็นหมอนวด แต่ความจริงแล้วหมอไทย ไม่ใช่หมอนวด  คนที่มาหาไม่ใช่ว่าปวดเมื่อย แต่คนที่มาหาคือเป็นสารพัดโรค ทั้ง เบาหวาน ไขมัน ความดัน กรดไหลย้อน และไมเกรน ซึ่งการนวดถือเป็นเพียงกรรมวิธีหนึ่งเท่านั้น โดยหมอไทยจะรักษา 2 แบบ คือ การให้ยารักษา และการหัตถการ (การกระทำด้วยมือ ที่มีเป็นร้อยวิธี ทั้งการอบยา เป่ายา  สระยา พอกยา)



UploadImage

“ถ้าการแพทย์แผนไทยไม่เจ๋งจริง เราคงไม่มานั่งตรงนี้ เราคงตายไปแล้ว
ถ้าคนไทยไม่เรียนวิชาของคนไทย แล้วจะให้คนชาติไหนมาเรียน”
อาจารย์คมสัน ทินกร ณ อยุธยา 
อาจารย์ประจำวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ การแพทย์แผนไทย (CIM)
 


การเรียนการสอน จะเริ่มจากวิชาธาตุวินิจฉัย ที่เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ที่เป็นแบบการแพทย์แผนไทย ที่ระบุไว้ว่าประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 ได้แก่ รูปธาตุส่วนที่แข็ง (ดิน) รูปธาตุส่วนที่เหลว(น้ำ) รูปธาตุที่เบา(ลม) และรูปธาตุที่ร้อน(ไฟ) อันประกอบขึ้นเป็นมนุษยชาติ โดยทั้งหมดคือธรรมชาติ หากเราเข้าใจธรรมชาติ ก็ถือว่าเข้าใจกลไก ส่งผลให้เข้าใจเวลาที่เจ็บป่วย ก็สามารถที่จะวินิจฉัยโรคได้สมกับที่เป็นหมอ รวมถึงสิ่งที่การแพทย์แผนไทยแตกต่างจากสาขาสุขภาพอื่นๆ คือ สามารถที่จะทำยาเองได้ โดยการนำเอาธรรมชาติมาทำเป็นยา ที่เรียกว่า “เครื่องยา” ซึ่งจะสอนให้รู้ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถนำยาไปรักษาคนป่วยได้ นั่นคือ การตั้งยา หรือวิชาเภสัชศาสตร์ นั่นเอง
 

ขณะเดียวกัน สำหรับการหัตถการ ก็จะสอนการทำการรักษาแบบโบราณ เช่น คนป่วยที่ปวดประจำเดือน แพทย์โบราณก็จะให้ไปแช่น้ำในตุ่ม เพราะด้วยอุณหภูมิที่เย็น จะทำให้เลือดหยุดไหลชั่วคราว การปวดก็เริ่มหาย เรื่อยไปถึงการสอนตั้งแต่การดูแลเด็กในท้องสำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์  การทำคลอด และการอยู่ไฟ เรียกได้ว่า ครบองค์ประกอบ


 
UploadImage



สำหรับตลาดงานการแพทย์แผนไทยนั้น จบสายศิลป์มา ก็สามารถเรียนได้  จบมาแล้วได้วุฒิปริญญาตรี แล้วไปสอบกับสภาวิชาชีพ เพื่อรับใบประกอบวิชาชีพ ในการเป็นแพทย์แผนไทย ทำงานในโรงพยาบาลของรัฐ เอกชน หรือจะเปิดคลินิกเองก็สามารถทำได้
 

แต่สำหรับคนที่สนใจ ที่อยู่ในสาขาวิชาอื่น หรือเป็นประชาชนทั่วไป แต่อยากจะมาเรียนเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ คือการเรียนการแพทย์แผนไทย (ก) โดยมีเรียนในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์เพียง 1 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งเมื่อเรียนจบแล้ว ไปสอบกับสภาพการแพทย์แผนไทยผ่าน ก็สามารถเปิดคลินิกได้ถึง 4 คลินิก คือ คลินิกการแพทย์แผนไทย คลินิกเภสัชกรรมไทย คลินิกผดุงครรภ์ไทย และคลินิกการนวดแผนหัตถการไทย
 

เห็นอย่างนี้แล้ว ความรู้ความสามารถของคนไทยไม่เคยแพ้ชาติใดในโลกจริงๆ ซึ่งหากน้องๆ คนไหนที่อยากจะเดินตามฝัน อยากจะมีสุขภาพทั้งตนเองและครอบครัวที่ดี การเลือกเส้นทางนี้ ถือเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจนทีเดียว ขอเพียงแค่ตั้งใจ และฝึกฝนด้วยความพยายามเท่านั้น ความสำเร็จก็คงไม่ไกลอย่างแน่นอน


 

รีวิวหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง

MBA บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร

คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร ...

วิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ในปัจจุบันสถานการณ์การค้าอาหารโลกมีความเปลี่ยนแปลงไปจากที่เป็นเพียงการค้าสินค้าเกษตร ...

สหเวชศาสตร์ สาขากายภาพบำบัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อ ...