"การตลาด" ทำอย่างไรให้อยู่รอดในยุค IT
สิ่งที่นักการตลาดทุกคนต้องเคยเรียนมา คือ หลักการ 4P ที่ประกอบไปด้วย Product(สินค้า), Price(ราคา), Place(สถานที่) และ Promotion(โปรโมชั่น) แต่ประเด็นคือคุณไม่จำเป็นที่จะต้องปฏิเสธหลักการเหล่านี้ เพียงแต่ต้องปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ ให้สอดคล้องกับตลาดในปัจจุบันเท่านั้นเอง
Product (สินค้า)
ในโลกยุคปัจจุบันการขายสินค้าให้โดนแบบ New Idea ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว เพราะในยุคนี้เขาแข่งกันที่ ความรวดเร็ว อย่างแบรนด์เสื้อผ้า ZARA ที่จะมีการปรับเปลี่ยนแฟชั่นในร้านที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนแทบจะทุกสัปดาห์ หรือที่เรียกวิธีนี้ว่า “การสร้างตัวต้นแบบ” (Prototype) เพื่อมาลองตลาดว่าผู้บริโภคต้องการอะไรแบบ? แบบไหน? และอย่างไร? หลังจากนั้นถ้าผู้บริโภคชอบก็ต้องใช้ความรวดดเร็วในการทำตลาด ส่งสินค้านั้นๆ ลงตลาดอย่างรวดเร็ว อย่างที่บอกแนวคิดเรื่องสินค้าในโลกยุคนี้เปลี่ยนไปแล้ว ความรวดเร็วเท่านั้นคือผู้ชนะ
Price (ราคา)
แต่เดิมการตั้งราคามักจะยึดติดกับความคิด 2 แบบ คือ ตั้งราคาให้สูงก่อนแล้วค่อยลดลง หรือ ตั้งราคาต่ำก่อนแล้วค่อยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ วิธีเหล่านี้ OUT! ไปแล้วค่ะ เพราะที่เม็กซิโกมีแบรนด์ผงซักฟอกรายหนึ่งได้วิจัยพบว่าคนเม็กซิกันส่วนใหญ่มักจะพกเหรียญไม่เกิน 10 Peso แบรนด์เลยส่งผงซักฟอกราคาไม่เกิน 10 Peso ลงสู่ตลาดมันซะเลย ผลปรากฎว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซื้อง่ายขายคล่อง จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่าวิธีการคิดเรื่องราคาในเชิงการตลาดควรจะต้องเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของคนในสังคม และสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้คือการทำวิจัยด้านการตลาดเชิงลึกที่มีคุณภาพคู่กันไปด้วย
Place (สถานที่)
เราจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าในอดีต ถ้าพูดถึงการขายของในวงการค้าปลีก เราจะถูกปลูกฝังให้คิดถึงเรื่อง Location หรือสถานที่เป็นหลัก(ปัจจุบันก็ปิดตัวกันไปเท่าไหร่แล้ว) ซึ่ง ในขณะที่การค้าปลีกออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซกำลังเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ถ้ายังยึดติดกับการทำการตลาดแบบเดิมๆ รับรองได้เลยว่าไปไม่รอดแน่ๆ ทางที่ดีคือต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าสถานที่หรือหน้าร้านไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่สุดของการทำการตลาดในโลกยุคปัจจุบัน
Promotion (โปรโมชั่น)
โปรโมชั่นคืออีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสารตัวสินค้าไปยังผู้บริโภค แต่เดิมเราจะดูว่าสินค้าตัวนี้เหมาะที่จะส่งโปรโมชั่นกับผู้บริโภคกลุ่มไหน แต่ในโลกยุคปัจจุบันที่มีการใช้ Big Data เข้ามาในแวดวงธุรกิจมากขึ้น ทำให้รูปแบบการส่งเสริมการขายจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยี เช่นในอเมริกาเวลามีพายุเข้าธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Wal-Mart จะมียอดขาย Pop-Tarts เพิ่มขึ้นประมาณ 7 เท่าตัว ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่าพายุจะเข้า Wal-Mart จะทำการส่ง Promotion การขายของ Pop-Tarts แบบเต็มกำลัง แถมรับประกันด้วยว่ามีของเยอะไม่หมดแน่นอน นี่ถือเป็นการทำ Promotion ที่ต้องใช้ Big Data เข้ามาช่วยทำให้การตลาดประสบความสำเร็จได้อย่างน่าสนใจ
ข้อมูลจาก : brandinside.asia