"แค่ต้องรู้ว่าทำยังไงให้ถึงเป้าหมาย" เด็กหัวการค้า 'จิมมี่' และแบรนด์ JIMMYTOS ของเขา
วันที่เวลาโพส
29 มีนาคม 60 14:55 น.
P' แพว AdmissionPremium
“ เราต้องเริ่มจากการมีเป้าหมายก่อน เพื่อจะได้หาแนวทางเรียนต่อได้ถูก และให้การเรียนมหาวิทยาลัยเป็นการส่งเสริมเป้าหมายของเราให้ประสบความสำเร็จ ”
นั่นคือแนวคิดของเด็กอายุ 16 ที่กำลังจะจบปวช. สาขาธุรกิจค้าปลีก และเริ่มทำธุรกิจด้วยการสร้างแบรนด์กระเป๋า ‘JIMMYTOS’ ของตัวเอง อย่าง “ จิมมี่ ” อริสมันส์ ภูริโรจน์กิจ โดยหลังจากที่เรียนจบ จิมมี่ก็ไม่รีรอที่จะทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เขาเห็นแนวทางว่าควรจะเดินไปที่ไหน และควรเรียนต่อสาขาอะไรเพื่อจะช่วยให้เป้าหมายของเขาประสบผลสำเร็จได้ ซึ่ง วิทยาลัยผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็เป็นคำตอบที่จิมมี่เลือก
เพราะอะไรถึงไม่ลังเลที่จะเรียนต่อ "สาขาผู้ประกอบการ"
“ เพราะผมคิดว่าวิทยาลัยผู้ประกอบการ ตรงกับความต้องการผมที่สุดแล้ว เพราะตอนที่ผมศึกษาข้อมูลและดูจากรุ่นพี่ เห็นเลยว่าพี่ๆ แต่ละคนทั้งเก่งและมีของกันหมดนั้น ก็เลยสนใจคณะนี้ ซึ่งผมโชคดีมากที่ได้ทุน "ค่ายเด็กหัวการค้า" จากมหาวิทยาลัย ซึ่งค่ายนี้เป็นค่ายที่ให้เด็ก ม.ปลายหรือปวช. มาแข่งหาแนวทางการทำธุรกิจเพื่อชิงทุนการศึกษา ตอนนั้นผมก็สร้างแบรนด์กระเป๋าของตัวเองชื่อ JIMMYTOS เลยสมัครค่ายนี้ ซึ่งนอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว ยังได้ประสบการณ์อื่นๆ ด้วย ใครสนใจก็สามารถติดตามได้ใน Facebook เพจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้นะครับ ”
และใครจะคิดว่า แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของตัวเองจะเริ่มต้นจากการสะพายถุงผ้าไปเรียน แต่ปวดไหล่เพราะรับน้ำหนักข้างเดียว เลยตามหากระเป๋าเป้มาใช้ แต่ก็หาแบบที่ถูกใจไม่ได้ จนในที่สุดด้วยความชอบแฟชั่นอยู่แล้ว บวกกับได้แรงบันดาลใจจากแฟชั่นยุค 70s ก็เลยกลายมาเป็นการสร้างแบรนด์กระเป๋าเท่ๆ ใช้เองขายเองอย่าง ‘JIMMYTOS’ ซะเลย
“ กว่าจะมาเป็นแบรนด์ได้แบบนี้มันไม่ง่ายเลย ผมต้องวาดรูปเป็นพัน ต้องออกแบบใหม่ทุกวัน ซึ่งมันไม่ใช่แค่วาดแล้วสวย แต่ต้องบอกลักษณะได้ด้วยว่าสูงเท่าไหร่ กว้างเท่าไหร่ จัดวางโลโก้ตรงไหนให้ดูดี พอได้แบบมาแล้วมันไปต่อไม่ได้ เพราะเราไม่มีเงิน (555+) ก็เลยต้องทำงานพาร์ทไทม์เพื่อเก็บเงิน ระหว่างนั้นก็หาข้อมูลของวัตถุดิบ โรงงานที่ทำ ซิปที่ใช้ เนื้อผ้า การเย็บ รายละเอียดทั้งหมด และต้องหาของที่ใช่ในราคาที่ไม่แพงด้วย กว่าจะได้ร้านได้ของก็ใช้เวลาไป 4 เดือน โดนปฏิเสธเป็นร้อยรอบ แต่ผมก็สู้ต่อ ถ้าเราไม่ล้ม เราจะลุกเองได้ยังไง "
" และด้วยความที่เราทำเองคนเดียวทุกอย่าง เราเลยเห็นคุณค่าของมันมาก พอกระเป๋าออกมาแล้วเราภูมิใจมาก แต่ปัญหาต่อมาคือ จะขายยังไง? ซึ่งผมเองเรียน ปวช.ธุรกิจค้าปลีกมา เรื่องการตลาดก็พอทำได้ ต้องมีการวางแผนขายทางออนไลน์ ขายตามอีเว้นท์ และปั้นแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จัก เคยไปออกบูธขายของที่มีค่าเช่าที่โคตรแพง ตั้งใจขายมาก แต่ 3 วัน ขายได้ใบเดียว!! ท้อและเหนื่อยมากครับตอนนั้น แต่เราแพ้ไม่ได้ครับ ผมเริ่มกลับมามองตลาดอีกครั้ง ทำไปเรื่อยๆ จนมีการบอกต่อ ยอดขายก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนตอนนี้คนรู้จักและขึ้นห้างได้แล้ว "
“ เราจะรู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อไปถึงเป้าหมายของเรา ไม่ต้องไปเหมือนใครทั้งนั้น ตั้งเวลาให้มันว่าจะสำเร็จเมื่อไหร่ แล้วลุยไปให้เต็มที่ และที่สำคัญ เชื่อมั่นใจตัวเองว่าเราจะทำมันสำเร็จได้ ระหว่างทางมันอาจจะไม่สวย แต่ถ้าสำเร็จแล้วคนที่ภูมิใจที่สุดก็คือตัวเราเองนี่แหละ”
ขอบคุณภาพประกอบจาก : www.facebook.com/jimmytosbrand
